:: ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ::
 
 
5. ค่าใช้จ่ายที่ยอมให้หักจากเงินได้พึงประเมิน
  1. เงินได้พึงประเมินประเภทที่ 1 และ 2 กฎหมายให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้เพียงอย่างเดียว ดังนี้
    1. ผู้มีเงินได้สามารถหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้ร้อยละ 40 ของเงินได้ แต่รวมกันต้องไม่เกิน 60,000 บาท หมายถึง เงินได้พึงประเมินทั้งสองประเภทรวมกันแล้วหักค่าใช้จ่ายได้ร้อยละ 40 แต่ไม่เกิน 60,000 บาท ถ้าหักค่าใช้จ่ายร้อยละ 40 ของเงินได้ทั้งสองประเภทรวมกันแล้วเกิน 60,000 บาท ให้หักได้เพียง 60,000 บาท
    2. ในกรณีสามีภริยาต่างฝ่ายต่างมีเงินได้ และความเป็นสามีภริยามีอยู่ตลอดปีภาษี ให้ต่างฝ่ายต่างหักค่าใช้จ่ายได้ร้อยละ 40 แต่ไม่เกินฝ่ายละ 60,000 บาท เช่นเดียวกับที่กล่าวใน (1) เงินได้พึงประเมินที่นายจ้างจ่ายครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน
    กรณีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) และ (2) เป็นเงินที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน และผู้มีเงินได้ เลือกเสียภาษีโดยไม่นำไปรวมคำนวณภาษีกับเงินได้อื่น ๆ ให้หักค่าใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขดังต่อไปนี้
    • ข้อ 1 เงินได้พึงประเมินที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน ให้หมายถึงเงินได้ ดังต่อไปนี้
      (1) เงินได้ที่คำนวณตามหลักเกณฑ์ และวิธีการเช่นเดียวกับวิธีการคำนวณบำเหน็จ ตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
      (2) เงินที่จ่ายจากกองทุนตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
      (3) เงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน
      (4) เงินได้พึงประเมินที่จ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงานที่มีวิธีการคำนวณแตกต่างไปจากวิธีการตาม (1)
    • ข้อ 2 เงินได้พึงประเมินตามข้อ 1 จะต้องมีเงื่อนไข ดังนี้
      (1) มีระยะเวลาการทำงานไม่น้อยกว่า 5 ปี
      (2) ในกรณีที่มีการจ่ายเงินตามข้อ 1 จากผู้จ่ายรายเดียวกันหลายครั้ง ไม่ว่าจะแบ่งจ่ายจากเงินประเภทเดียวกันหรือหลายประเภท ผู้มีเงินได้จะเลือกเสียภาษีโดยไม่นำไปรวมคำนวณภาษีกับเงินได้อื่น ๆ ได้เฉพาะเงินได้ที่จ่ายในปีภาษีแรกที่มีการจ่ายเงินได้ดังกล่าวเท่านั้น
      (3) ผู้มีเงินได้จะเลือกเสียภาษีในกรณีนี้ได้เฉพาะกรณีที่ผู้มีเงินได้ไม่นำเงินได้พึงประเมินดังกล่าวไปรวมคำนวณภาษีกับเงินได้อื่นๆ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน
    • ข้อ 3 เงินได้ที่จะนำมาเป็นฐานเพื่อคำนวณหาค่าใช้จ่ายให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังนี้
      (1) กรณีได้รับเงินที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงานตาม ข้อ 1 (1) และหรือข้อ 1 (2) ให้นำเงินได้พึงประเมินดังกล่าวมาเป็นฐานเพื่อคำนวณหาค่าใช้จ่ายตามเกณฑ์ที่กำหนดในข้อ 5 ได้ทั้งจำนวน
      (2) กรณีได้รับเงินที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงานตามข้อ 1 (3) และหรือข้อ 1 (4) ประเภทเดียวกันหรือหลายประเภทก็ตาม โดยจ่ายให้พร้อมกันหรือทยอยจ่ายให้แต่อยู่ในปีภาษีเดียวกัน
      ก. หากเงินได้พึงประเมินดังกล่าว รวมกันแล้วไม่เกินกว่าจำนวนเงินเดือนสำหรับรอบระยะเวลาเต็มเดือน เดือนสุดท้ายคูณด้วยจำนวนปีที่ทำงาน ซึ่งเงินเดือนสำหรับรอบระยะเวลาเต็มเดือนสุดท้ายนี้ จะต้องไม่เกินเงินเดือนถัวเฉลี่ยของ 12 เดือนสุดท้ายก่อนออกจากงานบวกด้วยร้อยละ 10 ของเงินเดือนถัวเฉลี่ยนั้น ให้นำเงินได้พึงประเมินดังกล่าวมาเป็นฐานเพื่อคำนวณหาค่าใช้จ่ายตามเกณฑ์ที่กำหนดใน ข้อ 5 ได้ทั้งจำนวน
      ข. หากเงินได้พึงประเมินดังกล่าว มีจำนวนเกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ตาม ก. ให้นำเงินได้พึงประเมินดังกล่าวมาเป็นฐานเพื่อคำนวณหาค่าใช้จ่ายตามเกณฑ์ที่กำหนดในข้อ 5 ได้เฉพาะส่วนที่ไม่เกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ตาม ก.
      (3) กรณีได้รับเงินที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงานตามข้อ 1 (1) และหรือข้อ 1 (2) และยังได้รับเงินที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงานตามข้อ 1 (3) และหรือข้อ 1 (4) อีก โดยจ่ายให้พร้อมกัน หรือทยอยจ่ายให้แต่อยู่ในปีภาษีเดียวกัน หากเงินได้พึงประเมินดังกล่าวมีจำนวนเกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ตาม (2) ก.ให้นำเงินได้พึงประเมินนั้นมาเป็นฐานเพื่อคำนวณหาค่าใช้จ่ายตามเกณฑ์ที่กำหนดในข้อ 5 ได้เฉพาะส่วนที่ไม่เกินเงินได้ตามข้อ 1 (1) และหรือข้อ 1 (2) นั้น ในกรณีเงินได้ดังกล่าวมีจำนวนไม่เกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ตาม (2) ก. ให้นำเงินได้พึงประเมินนั้นมาเป็นฐานเพื่อคำนวณหาค่าใช้จ่ายตามเกณฑ์ที่กำหนดในข้อ 5 ได้ทั้งจำนวน
    • ข้อ 4 กรณีได้รับเงินที่นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงานตามข้อ 1 ที่ได้รับจากนายจ้างต่างรายกัน ให้นำเงินได้พึงประเมินดังกล่าวมารวมกัน แล้วจึงคำนวณเงินได้ที่จะนำมาหักค่าใช้จ่ายตามเกณฑ์ที่กำหนดในข้อ 5 ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขตามข้อ 3 ดังกล่าวข้างต้น
    • ข้อ 5 จำนวนค่าใช้จ่าย
      (1) ค่าใช้จ่ายส่วนแรก เท่ากับ 7,000 บาท คูณด้วยจำนวนปีที่ทำงานแต่ไม่เกินเงินได้พึงประเมิน ถ้าเงินได้พึงประเมินที่ได้รับดังกล่าว จ่ายในลักษณะเงินบำเหน็จจำนวนหนึ่งและเงินบำนาญอีกจำนวนหนึ่ง ค่าใช้จ่ายเฉพาะเงินที่จ่ายในลักษณะเงินบำเหน็จ ให้ลดลงเหลือเท่ากับ 3,500 บาท คูณด้วยจำนวนปีที่ทำงาน
      (2) ค่าใช้จ่ายส่วนที่สอง เท่ากับจำนวนเงินได้ที่ถือเป็นเกณฑ์นำมาหักค่าใช้จ่ายได้ หักด้วยค่าใช้จ่ายส่วนแรกแล้วเหลือเท่าใด ให้หักค่าใช้จ่ายได้อีกร้อยละ50 ของส่วนที่เหลือนั้น
  2. เงินได้พึงประเมินประเภทที่ 3 เฉพาะที่เป็นค่าแห่งลิขสิทธิ์ กฎหมายยอมให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้ร้อยละ 40 แต่ต้องไม่เกิน 60,000 บาท ในกรณีสามีและภริยาต่างฝ่ายต่างมีเงินได้ประเภทนี้ และความเป็นสามีหรือภริยามีอยู่ตลอดปีภาษีให้ต่างฝ่ายต่างหักค่าใช้จ่ายได้ตามเกณฑ์เดียวกัน สำหรับค่าแห่งกู๊ดวิลล์หรือสิทธิอย่างอื่น เงินปี หรือเงินได้มีลักษณะเป็นเงินรายปีอันได้มาจากพินัยกรรม นิติกรรมอย่างอื่น หรือ คำพิพากษาของศาล
  3. เงินได้พึงประเมินประเภทที่ 4 กฎหมายไม่ให้หักค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น
  4. เงินได้พึงประเมินประเภทที่ 5 กฎหมายให้หักค่าใช้จ่ายได้ดังนี้คือ
    1. การให้เช่าทรัพย์สิน ผู้มีเงินได้มีสิทธิเลือกหักค่าใช้จ่ายวิธีใดวิธีหนึ่งจาก 2 วิธี ดังนี้ ก. หักค่าใช้จ่ายตามความจำเป็นและสมควร หรือ ข. หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาในอัตราดังต่อไปนี้ 1. ถ้าเป็นบ้าน โรงเรือน สิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นหรือแพ ในกรณีเจ้าของเป็นผู้ให้เช่าให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาร้อยละ 30 ในกรณีให้เช่าช่วงให้หักค่าใช้จ่ายได้เฉพาะค่าเช่าที่เสียให้แก่ผู้ให้เช่าเดิมหรือผู้ให้เช่าช่วง แล้วแต่กรณี 2. ถ้าเป็นดินที่ใช้ในการเกษตรกรรม ในกรณีเจ้าของเป็นผู้ให้เช่าให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาร้อยละ 20 ในกรณีให้เช่าช่วงให้หักค่าใช้จ่ายได้เฉพาะค่าเช่าที่เสียให้แก่ผู้เช่าเดิมหรือผู้ให้เช่าช่วง แล้วแต่กรณี 3. ถ้าเป็นดินที่มิได้ใช้ในการเกษตรกรรม ในกรณีเจ้าของเป็นผู้ให้เช่าให้หัก ค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาร้อยละ 15 ในกรณีให้เช่าช่วงให้หักค่าใช้จ่ายได้เฉพาะค่าเช่าที่เสียให้แก่ผู้ให้เช่าเดิมหรือผู้ให้เช่าช่วง แล้วแต่กรณี กรณีผู้ให้เช่าทรัพย์สินเรียกเก็บเงินกินเปล่า เงินแป๊ะเจี๊ยะ เงินค่าปลูกสร้างหรือค่าเซ้ง เงินค่าซ่อมแซมอีกส่วนหนึ่ง นอกจากค่าเช่า เงินที่ได้รับนี้ถือเป็นเงินได้พึงประเมิน ซึ่งจะต้องนำมารวมคำนวณภาษีด้วย ผู้ให้เช่าซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจะต้องนำเงินได้ดังกล่าวมาเฉลี่ยเป็นรายปีตามอายุของสัญญาเช่าแล้วยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีเงินได้เป็นการล่วงหน้า (ภ.ง.ด.93) เป็นรายปี ให้เสร็จสิ้นไปในปีที่ได้รับเงินนั้น และเมื่อสิ้นปีปฏิทินจะต้องนำเงินได้ที่เฉลี่ยรายปีรวมทั้งค่าเช่ารายเดือนและเงินได้อื่นๆ (ถ้ามี) มารวม คำนวณเพื่อยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษี (ภ.ง.ด.90) ภายในเดือนมีนาคมของปีถัดไปทุกปี แล้วนำเงินภาษีที่ชำระไว้ล่วงหน้ามา เครดิตออกจากภาษีที่คำนวณได้ กรณีที่เจ้าของที่ดินทำสัญญาให้ผู้อื่นทำการปลูกสร้างอาคารหรือโรงเรือนบนที่ดินของตนโดยผู้ปลูกสร้าง ยกกรรมสิทธิ์ในอาคารหรือโรงเรือนที่ปลูกสร้างนั้นให้แก่เจ้าของที่ดินเมื่อสร้างเสร็จ และเจ้าของที่ดินตกลงให้ผู้ปลูกสร้างเช่าหรือให้เช่าช่วงอาคารหรือโรงเรือน หรือตกลงให้ผู้สร้างจัดหาผู้เช่าอาคาร หรือโรงเรือนนั้นโดยตรงจากเจ้าของที่ดินเป็นการตอบแทนภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้คำนวณค่าแห่งอาคารหรือโรงเรือนนั้นเป็นเงินได้พึงประเมินของเจ้าของที่ดินตามจำนวนปีแห่งอายุการเช่า ในอัตราร้อยละของมูลค่าอาคาร หรือโรงเรือนในวันที่ได้รับกรรมสิทธิ์ คำว่า มูลค่าอาคารหรือโรงเรือน หมายความว่า ราคาหรือค่าอันพึงมีในวันที่ได้รับอาคารหรือโรงเรือนนั้นตามมาตรา 9 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร และเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีเงินได้ในกรณีดังกล่าว ราคาหรือค่าอันพึงมีในวันที่ได้รับอาคารหรือโรงเรือนนั้น ให้ถือราคาทุนที่แท้จริงของอาคาร หรือโรงเรือนในวันที่ได้รับกรรมสิทธิ์ 4. ถ้าเป็นยานพาหนะในกรณีเจ้าของเป็นผู้ให้เช่า ให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาร้อยละ 30 ในกรณีให้เช่าช่วงให้หักค่าใช้จ่ายเฉพาะค่าเช่าที่เสียให้แก่ผู้ให้เช่าเดิมหรือผู้ให้เช่าช่วงแล้วแต่กรณี 5. ถ้าเป็นทรัพย์สินอย่างอื่น ในกรณีเจ้าของเป็นผู้ให้เช่า ให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาร้อยละ10 ในกรณีให้เช่าช่วงให้หักค่าใช้จ่ายได้เฉพาะค่าเช่าที่เสียให้แก่ ผู้ให้เช่าเดิมหรือผู้ให้เช่าช่วง แล้วแต่กรณี
    2. การผิดสัญญาเช่าซื้อทรัพย์สิน ให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมา ร้อยละ 20 ได้วิธีเดียว
    3. การผิดสัญญาซื้อขายเงินผ่อน ซึ่งผู้ขายได้รับคืนทรัพย์ที่ซื้อขายนั้นโดยไม่ต้องคืนเงินหรือประโยชน์ที่ได้รับไว้แล้วให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาร้อยละ 20 ได้วิธีเดียว
  5. เงินได้พึงประเมินประเภทที่ 6 กฎหมายให้หักค่าใช้จ่ายวิธีใดวิธีหนึ่งจาก 2 วิธี ดังนี้
    • หักค่าใช้จ่ายตามความจำเป็นและสมควร หรือ
    • หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาในอัตราดังต่อไปนี้
      1. เงินได้จากการประกอบวิชาชีพอิสระการประกอบโรคศิลปให้หัก ค่าใช้จ่ายเป็นการเหมา
      ร้อยละ 60
      2. เงินได้จากการประกอบวิชาชีพอิสระอื่นนอกจากการประกอบโรคศิลป ให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมา ร้อยละ 30
  6. เงินได้พึงประเมินประเภทที่ 7 กฎหมายให้หักค่าใช้จ่ายวิธีใดวิธีหนึ่งจาก 2 วิธี ดังนี้
    • หักค่าใช้จ่ายตามความจำเป็นและสมควร หรือ .
    • หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาในอัตราร้อยละ 70
  7. เงินได้พึงประเมินประเภทที่ 8 ตามกฎหมายให้หักค่าใช้จ่ายได้ 2 วิธีคือ
    • หักค่าใช้จ่ายตามความจำเป็นและสมควร หรือ
    • หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมา ตามพระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ ๑๑)